หน้าแรก
การเริ่มต้น





แปลโดย:

'العربية / al-ʿarabīyah
Bahasa Indonesia
Български език
Català
中文 / Zhōngwén
Deutsch
English
Español
Euskara
Ewe
Filipino/Tagalog
Français
Galego
Ελληνικά / Elliniká
हिन्दी / hindī
Italiano
日本語 / Nihongo
بهاس ملايو / Bahasa Melayu
Português
Română
ไทย / Thai

                                        

หน้าอื่น:

หลักสูตร

แผนที่เวบไซต์

คำสำคัญ

ติดต่อ

เอกสารที่เป็นประโยชน์

ลิงค์ที่เป็นประโยชน์

การเริ่มต้นเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง

คำแนะนำสำหรับผู้ฝึกหัด

โดย ดร. ฟิล บาร์เทิล

แปลโดย วัชรวีร์ Pakij Saengsawang


แนะนำบทเรียน

การนำการเปลี่ยนแปลงไปสู่ชุมชนไม่ได้เกิดเฉพาะกาล หรือปราศจากการเตรียมการ

เตรียมแนวทางก่อนการ เปลี่ยนแปลง

หลังจากผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้เตรียมที่จะ เปลี่ยนแปลงแล้ว เขาหรือเธอต้องทำการเตรียมการในชุมชนก่อนการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงจะต้องไม่เริ่มโดยปราศจากการวางแผนและการเตรียมการ และต้องแน่ใจว่ามีส่วนประกอบที่จำเป็นพร้อม

ถ้าท่านกำลังจัดการฝึกสำหรับผู้นำการเปลี่ยนแปลง ให้ใช้เอกสารนี้ ท่านจะพบว่าบทเรียนนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อแนะนำผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่มีศักยภาพตั้งแต่สิ่งแรกที่เขาต้องกระทำเลยทีเดียว และต้องเน้นย้ำอีกครั้งว่า "การลงมือปฏิบัติ" เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ และท่านสามารถจัดการฝึกให้กิจกรรม "การฝึกปฏิบัติ" เกิดประโยชน์สูงสุดในการที่ผู้ฝึกจะได้เรียนรู้ในการนำการเปลี่ยนแปลง

>นี่เป็นเวลาที่ดีสำหรับท่านที่จะเตือนพวกเขาว่ามันสำคัญมากที่จะต้องทำและรักษา "หลักฐานในกระดาษ"การที่ผู้รับการฝึกของท่านจะทำงานในชุมชนได้อย่างไรนั้น เป็นผลมาจากการที่พวกเขารู้สถานการณ์มากน้อยเพียงใด และรู้ธรรมชาติของชุมชนว่าเป็นอย่างไร นอกจากนี้ ยังต้องเตือนพวกเขาอีกว่าพวกเขาจะไม่ได้ทำงานอยู่ในชุมชนเดียวตลอดกาล และพวกเขาต้องเริ่มเตรียมวัสดุที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของพวกเขาเอง ถ้าพวกเขาไม่ทำและทิ้งไปเฉยๆ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงคนต่อมาก็จะต้องเริ่มจากจุดตั้งต้นอีกครั้ง และไม่สามารถสานต่อประสบการณ์และการสังเกตุของผู้นำการเปลี่ยนแปลงคนก่อนได้ ต้องเตือนผู้ฝึกของท่านให้เริ่มและทำอย่างต่อเนื่องโดยเขียน บันทึกประจำวัน.

นี่คือห้วงระยะที่ผู้นำการเปลี่ยนแปลงต้องการในการเตรียมชุมชน เพื่อที่จะได้ลงมือปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ดูใน "วิธีการฝึก" ชี้ให้เห็นถึง "การเล่นแสดงบทบาท" ท่านจะจัดการแสดงบทบาทอย่างไรก็ขึ้นกับท่าน มีหลายวิธีในการแสดงบทบาท ท่านอาจมอบหมายให้ผู้ฝึกหลายคนแสดงบทบาท เป็นสมาชิกชุมชน, ผู้นำท้องถิ่น, ที่ปรึกษา และนายกเทศบาล, เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่จะออกใบอนุญาตสำหรับการทำงานภาคสนาม (ถ้ามีตำแหน่งนี้ หรือจำเป็นต้องขออนุญาตก่อน)"หัวหน้า" หรือผู้ควบคุมดูแลผู้นำการเปลี่ยนแปลง และตำแหน่งอื่นๆ ที่จะแสดงถึงสถานการณ์ในท้องถิ่น ด้วยการสร้างบทบาทให้ได้เล่นกันนี้จะทำให้ผู้ฝึกได้เข้าใจถึงผู้เล่นหลากหลายในกระบวนการ และเข้าใจในผลลัพธ์ได้ดีขึ้น

วงจรการเปลี่ยนแปลง:

เมื่อผู้ฝึกของท่านเริ่มทำงานนั้นก็เป็นบริบทของ "วงจรการเปลี่ยนแปลง" พวกเขาควรจะมีความทรงจำเล็กๆ น้อยๆเกี่ยวกับวงจร ท่านสามารถเพิ่มเอกสารจากบทเรียนฝึกเรื่อง "วงจรการเปลี่ยนแปลง" ถ้าพวกเขาต้องการรายละเอียดที่มากกว่าในช่วงนี้

ในการฝีกของท่าน อย่าทำเพียงแค่ให้ดูวงจร หรือแจกเอกสารการสอนเท่านั้น แต่ให้ถามถึงส่วนประกอบของวงจรจากกลุ่มผู้รับการฝึก และเขียนลงบนกระดาน ในตอนแรกอาจเป็นหัวข้อเรียงจากบนลงล่าง เช่น ประเมินความต้องการ, เลือกโครงการของชุมชน, ออกแบบโครงการ, การนำไปปฏิบัติ และการประเมินผล ในขณะที่ท่านไม่ได้ให้ส่วนประกอบแก่พวกเขา แต่ใช้การถามคำถามดึงเอาส่วนประกอบออกมาจากกลุ่มผู้รับการฝึก เขียนลูกศรย้อนกลับจากรายการด้านล่างขึ้นมาข้างบนก็จะหมายถึงการวนเวียนเป็น วงจรนั่นเอง

ความท้าทายในช่วงนี้ก็คือการชี้ให้ผู้รับการฝึกหลาย่คนแสดง "บทบาท" ของแต่ละขั้นในวงจร พวกเขาอาจใส่ป้ายอันใหญ่ที่ชี้ว่าอยู่ขั้นใด พวกเขาจะว่าอย่างไรกันเมื่อวงจรได้เกิดขึ้น? ถ้าผู้รับการฝึกสามารถทำแบบที่ว่าได้ ให้ขอร้องให้เขาทำมันอีกครั้ง หรือให้ผู้เล่นชุดใหม่เข้ามา, คราวนี้ให้แสดงโดยไม่ต้องใช้เสียงพูด มันจะเป็นการสนุกและสามารถเรียกเสียงหัวเราะหรือความพยายามบางอย่างที่น่าอาย แต่มันก็จะช่วยทำให้ผู้รับการฝึกเกิดความประทับใจต่อวงจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละสถานที่

มีสไลด์ภาพวาดลายเส้นของจูเลียนน่า คูรูฮิอิราที่เป็นวงจรของการเปลี่ยนแปลงอยู่ในเว็บไซต์นี้ สไลด์มีความละเอียดและมีรายละเอียดมากกว่าเว็บเพจในบทเรียนนี้ ถ้าท่านมีสถานที่ที่สามารถฉายมันขึ้นบนจอได้ ก็จะเป็นการใช้เวลาในการพักช่วงที่ดีในการประชุมเชิงปฏิบัติการ ท่านอาจจะเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ และแสดงให้ผู้รับการฝึกได้ดูสองถึงสามครั้ง ดู "วงจรการเปลี่ยนแปลง."

เตือนผู้รับการฝึกให้ทราบว่างานของพวกเขา ต้องขึ้นกับวงจรซึ่งชุมชนจะไม่ได้รับการพัฒนาโดยมีแค่เพียงหนึ่งโครงการ แต่วงจรจะต้องทำขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และแตกต่างกันไปในแต่ละห้วงเวลาขึ้นอยู่กับสภาพการเปลี่ยนแปลงขณะนั้นๆ

การขออนุญาติ

ท่านต้องอธิบายให้กับผู้รับการฝึกของท่านทราบว่าพวกเขาต้องได้รับ การอนุญาติ หรือการยินยอมสองชนิดในการที่จะเริ่มงานให้แต่ละตำบล ชนิดแรกเป็นแบบทางการ, กฏหมายหรือการอนุญาติเป็นทางการ และอีกชนิดคือแบบไม่เป็นทางการ

การอนุญาติเป็นทางการมักจะธรรมดา และตรงไปตรงมา จำไว้ว่า"ธรรมดา"ไม่ได้หมายความว่า"ง่าย"ความ เป็นทางการมักจะแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ และอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละเขต แต่ละตำบลด้วย เนื่องจากการขอดังกล่าวจะขึ้นกับระเบียบและข้อบังคับของรัฐบาลซึ่งมักจะถูก เขียนอยู่ที่ไหนสักแห่ง

การขออนุญาติที่เป็นทางการง่ายที่จะอธิบาย และไม่มีขอบเขตที่ชัดเจนที่จะอธิบาย แค่หมายความแค่เพียงได้รับความเป็นมิตรจากผู้มีอำนาจหรือผู้นำในพื้นที่ เพื่อที่พวกเขาจะกลายมาเป็นมิตรมากกว่าที่จะเป็นอุปสรรค ความร่วมมือของพวกเขาจะมีค่าเป็นอย่างมาก และการต่อต้านของพวกเขาก็สามารถเป็นความหายนะได้เหมือนกัน

เป็นการง่ายที่จะได้มาซึ่งใบอนุญาติอย่าง เป็นทางการ ซึ่งจะออกมาในรูปของการได้รับจดหมายอนุญาติหรือใบรับรอง แต่การอนุญาติอย่างไม่เป็นทางการไม่สามารถชี้ชัดได้เจาะจง อธิบายให้ผู้นำการเปลี่ยนแปลงของท่านทราบว่าจะต้องขออนุญาติในขณะที่อยู่ใน กระบวนการในแต่ละพื้นที่

การฝึกที่ดีที่สุดอันหนึ่งในห้วงการฝึกนี้ คือการเตรียมผู้รับการฝึกในรับมือกับนิยามของการอนุญาติทั้งสองแบบในตำบล หรือเขตของพวกเขา

แบ่งผู้รับการฝึกออกเป็นสองกลุ่มๆ ละประมาณสองถึงห้าคน คนหนึ่งในแต่ละกลุ่มเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง อีกคนหนึ่งในแต่ละกลุ่มจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องผู้ซึ่งมีอำนาจใน การให้ใบอนุญาติผู้นำการเปลี่ยนแปลงทำงานในพื้นที่ ผู้เล่นที่เหลือจะเป็นคนคอยแนะนำทั้งสองกลุ่ม แยกผู้เล่นทั้งสองกลุ่มออกจากกัน และบอกคนที่แนะนำให้ติวผู้รับคำแนะนำในการเล่น

สำคัยอย่างยิ่งที่กลุ่มที่แนะนำ"เจ้า หน้าที่รัฐ"จะต้องหาข้อสงสัย สมมุติฐานและความกลัวทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้อง ในทางตรงข้าม กลุ่มที่แนะนำ"ผู้นำการเปลี่ยนแปลง"ต้องหาผลประโยชน์ ที่มีต่อชุมชนและต่อผู้นำที่จะเกิดเพิ่มขึ้นต่อชุมชนในพื้นที่ที่จะมีการ เปลี่ยนแปลงสามารถพึ่งตนเองได้มากขึ้น

บอกกลุ่มต่างๆให้พบกันในสถานที่ที่แยกจาก กัน หรืออย่างน้อยคนละมุมห้องกันและเตรียมการสักสิบถึงสิบห้านาที ต่อมาให้นำมาพบกัน พร้อมด้วยผู้รับการฝึกอื่นๆ(ผู้ซึ่งจะเป็น "ผู้รับฟัง") ของการเล่นนี้และให้พวกเขาเริ่มแสดงตั้งแต่ตอนที่ผู้นำ การเปลี่ยนแปลงเริ่มเคาะประตูห้องเจ้าหน้าที่รัฐ และมาขออนุญาติที่จะทำงานที่ชุมชนในพื้นที่

ถ้ากลุ่มผู้รับการฝึกเป็นกลุ่มใหญ่ สามารถทำแบบนี้ได้หลายๆ ครั้ง หลังจากทำแบบนี้หนึ่งหรือสองครั้ง ท่านอาจอยากทิ้งไพ่"ตัวสำคัญ"เข้าไปในกองไพ่ ตั้งกลุ่มที่สามซึ่งจะแนะนำคนทำงานท้องถิ่นตัวเป็นเกลียวหรือ"ผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์"ซึ่งพอดีไปอยู่และหาข่าวในสำนักงานของเจ้าหน้าที่นั้นด้วย และจะเป็นผู้ถามคำถามซึ่งเป็นที่ถกเถึยงที่ไม่คาดคิดเข้าสู่วงถกแถลง

หลังจากการแสดงสมมุติดังกล่าว ช่วงต่อเนื่องตามหลังมายิ่งมีความสำคัญมาก ท่านอาจต้องการให้มีการสรุปประเภทของคำถามของเจ้าหน้าที่รัฐที่อาจถามได้บน กระดาน คำถามซึ่งอาจทำให้กิจกรรมในชุมชนต้องหยุดชั่วคราว และข้อโต้แย้งที่ผู้นำการเปลี่ยนแปลงสามารถนำไปใช้ ให้ผู้รับการฝึกทั้งหมดช่วยท่านทำรายการบนกระดาน ให้เล่นเกมส์นี้ และสรุปสิ่งที่ตามมาถึงแม้ว่าสถานที่นั้นอาจไม่ต้องการการอนุญาติที่เป็นทาง การ ข้อโต้แย้งของพวกเขาจะมีประโยชน์ในการทำให้ผู้รับการฝึกเข้าใจหน้าที่ของพวก เขา

การกระตุ้นความตื่นตัว

กระบวนการ การกระตุ้นความตื่นตัว ในระหว่างประชากรหมู่มากมีความคล้ายกันกับกระบวนการที่จะได้มาซึ่งการอนุญาติที่เป็นทางการจากผู้มีอำนาจในท้องถิ่น บอกผู้รับการฝึกของท่านว่าพวกเขาต้องพยายามหา (และรักษา) พันธมิตร และผู้สนับสนุนจากประชาชนทั่วไป

ในบทการฝึก ท่านอาจใช้วิธีแสดงสมมุติด้วย"ตัว สำคัญ"หลากหลายแบบ และตามด้วยห้วงการสรุปเหมือนข้างต้น

ในระหว่างการกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวนี้ ต้องเตือนผู้รับการฝึกเสมอว่างานของพวกเขาจะต้องหลีกเลี่ยงการเกิดความคาด หวังซึ่งไม่เป็นความจริง นอกจากนี้การมีส่วนร่วมของชุมชนไม่ได้หมายความว่าผู้นำการเปลี่ยนแปลงจะต้อง ยอมรับสิ่งใดก็ตามที่สมาชิกส่วนใหญ่ของชุมชนเสนอต้องการให้เป็นวัตถุประสงค์ หลักเสมอไป ผู้นำการเปลี่ยนแปลงต้องกระตุ้นให้ชุมชนได้เสนอคำแนะนำที่ง่ายและพินิจ พิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน ท่านอาจเตรียมหน้าที่ในชุมชนของท่านในการแสดงสมมุติ เช่น บอกพวกเขาให้ขอสถานพยาบาลพร้อมแพทย์ แต่ผู้เล่นในบทบาทผู้นำการเปลี่ยนแปลงอาจได้รับการสอนให้ถามว่าสถานพยาบาล นั้นสร้างเพื่อให้โรคลดน้อยลงหรือไม่ ถ้าใช่ การหาแหล่งน้ำสะอาดและการใช้ห้องสุขาที่ถูกต้องน่าจะเป็นทางแก้ปัญหาต่อ ปัญหาของโรคได้ดีกว่า(ให้ดูบท "น้ำ").

การจัดการเพื่อความเป็น อันหนึ่งอันเดียวกัน

ท่านต้องแน่ใจว่าผู้รับการฝึกของท่านจะต้องไม่สมมุติเอาว่าชุมชนจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว คำว่า "ชุมชน" มักจะทำให้เข้าใจผิดว่ามันมีความ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความเชื่อที่มักจะคิดกันประจำมักจะคิดถึงชุมชนในแง่ที่เป็นสถานที่ที่สงบซึ่งทุกคนรู้จักกันและกัน รักและให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน ดู การจัดการเพื่อควา มเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

เป็นที่รู้จักกันทั่วไปโดยนักสังคมวิทยาทั้งหลาย ในบทเรียนหลังๆ ยิ่งมี วิชามนุษยวิทยา รวมอยู่ในการฝึกมากขึ้นๆ และความขัดแย้งจะปรากฏชัดขึ้น ด้วยเหตุผลทางการฝึก ในระยะแนะนำการฝึก เป็นสิ่งจำเป็นที่ท่านต้องบอกผู้รับการฝึกว่ามันมีความขัดแย้งหลายอย่างที่ซ่อนอยู่และที่ไม่ได้ซ่อนอยู่ และเหมือน "การชักกะเย่อ" ในทุกๆ ชุมชน ความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจะทำให้สังคมอ่อนแอ ดังนั้นส่วนที่สำคัญในงานของผู้นำการเปลี่ยนแปลงคือการชักนำให้สมาชิกชุมชนละวางความแตกต่างระหว่างพวกเขาเพื่อให้เกิดความร่วมมือกันในบางกิจกรรมที่ให้อำนาจแก่ชุมชน

ผู้รับการฝึกต้องเรียนรู้ว่าการจัดการ เพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั้นไม่ใช่เป็นเพียงขั้นตอนเดียวในงานของ พวกเขา พวกเขาไม่สามารถทำให้สังคมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน(ครั้งเดียวและตลอด เวลา)แล้วไปทำสิ่งอื่นๆ ต่อไปได้ มันเป็นสิ่งที่จะต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาตลอดระยะเวลาที่ยังคงทำงานของพวก เขาในชุมชน

ความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันสามารถเกิด ได้จากหลายปัจจัย ได้แก่(ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเท่านี้)

  • การแข่งขันกันระหว่างกลุ่มหรือเชื้อชาติ ที่หลากหลาย;
  • ความแตกต่างในความสัมพันธ์ต่อกรรมสิทธิ์ (เหมือนที่ คาลล์ มาร์ก เขียนไว้ –แรงงานต่อสู้กับเจ้าของ); และ
  • ความแตกต่างในด้าน
    • ภาษา,
    • ความเชื่อและการปฏิบัติด้านศาสนา,
    • โครงสร้างของครอบครัว,
    • ชาติพันธุ์ที่ปรากฏ(เรียกว่า "เชื้อชาติ")
    • เพศ,
    • อายุ และ
    • ความพิการทางร่างกายหรือทางจิตใจ
    • ความแตกต่างเกือบจะทุกอย่างในลักษณะทาง สังคม(เช่น ลักษณะทางร่างกายซื่งมีความหมายทางสังคมแฝงอยู่)

บางครั้งผู้นำการเปลี่ยนแปลงต้องยอมรับ กิจกรรมท้องถิ่นหลายๆ อย่างและทำงานอยู่ในสิ่งแวดล้อมนั้น หรือยืนกรานอว่ายังมีข้อเท็จจริงบางประการซึ่งในอดีตได้ถูกหลงลืมไปจะค้นพบ ได้ในการประชุมชุมชน มีตัวอย่างสองตัวอย่างจากประสบการ์ของผมเอง

ตัวอย่างเช่น การทำงานในชุมชนมุสลิมดั่งเดิม มีข้อจำกัดหลายอย่างเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มสตรี เราต้องค่อยๆ ก้าวไปอย่างระมัดระวัง จากการได้พรและความร่วมมือของมาลาม เราสามารถให้การฝึกงานด้านสังคมแก่ผู้หญิงได้โดยใช้ผู้ฝึกที่เป็นผู้หญิง เท่านั้น และทำงานได้เฉพาะที่บ้านของพวกเขาเท่านั้น(ดู CBSW)

ในทางตรงข้าม ในประเทศกานาทางภาคเหนือ กลุ่มมุสลิมที่ไม่เคร่งครัดนักในบางสถานที่ เราเรียกประชุมหมู่บ้านเพื่อจัดลำดับความสำคัญของหมู่บ้าน แต่มีแต่ผู้ชายมาประชุม เราได้อธิบายอย่างสุภาพว่าเราหมายถึงทุกคน เราเลื่อนการประชุมโดยไม่เปิดเผยจุดประสงค์ของเรา และจัดขึ้นใหม่อีกครั้งในวันต่อมา ผู้หญิง(และผู้พิการ และชนกลุ่มน้อย)มาเข้าร่วมในวันที่สอง

ให้ดูบทว่าด้วย เพศ.

มีหลากหลายวิธีที่จะได้ข้อความจากชุมชน ถ้าท่านคุ้นเคยกับกลุ่มหลักๆ ที่ได้รับการฝึกฝนมา ท่านสามารถจัดช่วงการแสดงสมมุติให้หลากหลายทำให้ผู้รับการฝึกสามารถรับมือ ได้กับหลายตำแหน่ง และตำแหน่งผู้นำการเปลี่ยนแปลง(พร้อมด้วยเหล่าผู้ให้คำแนะนำซึ่งประกอบ ด้วยผู้รับการฝึกคนอื่นๆ)ต้องหายุทธศาสตร์ใหม่ๆเพื่อที่จะรับมือกับพวก เขา

คุณสามารถที่จะใช้ผู้เชี่ยวชาญในการให้การ ฝึกในพื้นที่ได้ ในงานของผมที่แอฟริกา ตัวอย่างเช่น ในการพัฒนายุทธศาสตร์ในเรื่องเพศ ผมพบว่าบ่อยครั้งที่จะมีกระทรวงที่ว่าด้วยเพศ(หรือชื่ออื่นที่ลักษณะ คล้ายกัน)ซึ่งมีบุคลากรที่ได้รับการฝึกอย่างดีซึ่งกระหายที่จะแสดงความ รู้ในห้วงการฝึก

ข้อตกลงสาธารณะ

หนึ่งในความชำนาญของผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ต้องการที่สุดคือความสามารถที่จะ พูดในที่สาธารณะ ในขณะที่มีคนแปลกหน้าเป็นผู้ฟัง

ในขณะที่ความสามารถพิเศษอันนี้บางครั้งจะ พบได้ว่าได้มาโดยธรรมชาติในบางคน แต่ความชำนาญดังกล่าวสามารถเรียนรู้ได้ สิ่งกีดขวางหรือข้อจำกัดที่ใหญ่ที่สุดคือความกลัว, ความกังวล หรือความวิตก เมื่อทุกคนสามารถเอาชนะอารมณ์ดังกล่าวได้ทั้งหมด ทักษะดังกล่าวก็จะสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้

ทักษะการพูดในที่สาธารณะที่ดีไม่เพียงแต่ ความสามารถที่จะพูดให้ดัง ช้า และใช้ภาษาที่ง่ายเท่านั้น แต่รวมถึงความสามารถในการฟังผู้อื่นพูด, ตอบโต้กับสิ่งที่พวกเขาพูดเมื่อพวกเขาเงียบไป และความสามารถที่จะพัฒนาความเป็นมิตรกับผู้ฟัง ผู้นำการเปลี่ยนแปลงไม่เพียงแต่ต้องเคารพสมาชิกอื่นในชุมชนเท่านั้น แต่รวมถึงการได้รับการนับถือโดยพวกเขาด้วย และแสดงให้เห็นได้ในการพูดในที่สาธารณะ

อย่าทำให้ผู้รับการฝึกหวาดกลัวด้วยการ เขียนรายการเหล่านี้ตั้งแต่ช่วงเริ่มของการพูดในที่สาธารณะ ในตอนแรกมันอาจฟังดูเป็นที่ประสงค์ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงของท่านจะมีความวิตกต่อสิ่งเหล่านั้นน้อยลงหลังจากที่ พวกเขาค้นพบว่าพวกเขาสามารถเรียนและฝึกมันได้ – เริ่มต้นจากช่วงการฝึกของท่าน

นี่คือที่ซึ่ง"เรียนรู้ด้วยการกระทำ"เป็น วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด

ถ้าท่านมีเวลาการฝึกเชิงประชุมปฏิบัติการ เป็นเวลาห้าวัน ท่านอาจจัดห้าหรือหกช่วงเวลาสั้นๆ ในการพูด หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดคือฝึกที่จะคิดในมุมมองของคนอื่น ประกอบกับการจัดองค์กร"โทสท์มาสเตอร์"ท่านจัดให้มีเกมส์ที่ให้คนๆ หนึ่งออกมาหน้ากลุ่ม และให้คำที่เขาไม่รู้มาก่อนล่วงหน้า และให้คนนั้นพูดเกี่ยวกับคำนั้นประมาณสองนาที หัวข้อต่างๆ รวมถึงคำที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง หรือการประชุมเชิงปฏิบัติการ เช่น"กล้วย","แม่ยาย"หรือ"ถังขยะมีฝาปิด"."

ถ้าคุณจัดการฝึกให้ชุดผู้นำการเปลี่ยนแปลง ทุกๆ เดือน(หรือทุกสองเดือน)ซึ่งเราแนะนำนี่ก็เป็นช่วงการฝึกซึ่งสามารถ รวมเข้าไปได้ในทุกๆ เดือน

การปรับเปลี่ยนของช่วงนี้สามารถทำได้โดย การส่งผู้พูดออกไปนอกห้องสักสองนาทีเพื่อคิดเกี่ยวกับหัวข้อซึ่งท่านได้ให้ แก่เธอหรือเขา ในขณะเดียวกัน ท่านบอกผู้รับการฝึกที่เหลือให้พวกเขาเปลี่ยนหัวข้อโดยที่ไม่เอ่ยถึงหัวข้อ ก่อนหน้า ผู้พูดอาจได้รับหัวข้อเช่น"การเปลี่ยนคาร์บูเรเตอร์"ในขณะที่กลุ่ม อาจให้หัวข้ออื่นเช่น"การแกะเปลีอกหอยเชลล์"จะให้เวลาผู้พูดสี่นาที ที่จะพูดเกี่ยวกับหัวข้อแต่ให้พูดถึงหัวข้อซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้ฟังด้วย และเชื่อมต่อเรื่องเข้าด้วยกัน หรือเปลี่ยนหัวข้อไปเป็นหัวข้อที่ผู้ฟังต้องการ

นี่เป็นช่วงเวลาที่ท่านจะรู้สึกมีอารมณ์ไปกับการวิจารณ์ สำหรับคนขี้อายซึ่งมีบุคลิกที่ต่อต้านการพูดแล้ว การวิจารณ์อาจทำให้ความกล้าของพวกเขาหายไป และจำกัดพวกเขาจากการพัฒนาทักษะที่จำเป็นน นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะแนะนำกฏพื้นฐานของการระดมความคิด (ดู การระดมความคิด) หรือข้อความคำสำคัญ "ชิท แซนด์วิช" ซึ่งจะมีประโยชน์ในการจัดการ ท่านอาจยืมเอากระบวนการจากการประชุม AA'1 ผู้ฟังจะถูกสอนให้ปรบมือทุกครั้งที่ผู้พูดพูด ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ตาม

ถ้าท่านมีการสนับสนุนทางเทคนิก นี่เป็นช่วงเวลาที่เครื่องบันทึกภาพ(เครื่องบันทึกวีดีโอเทป)จะ สามารถใช้ได้อย่างมีประโยชน์ ใช้วีดีโอของท่านบันทึกการพูดของผู้พูดแต่ละคน และมอบเทปให้กับพวกเขาไป และมีห้องส่วนตัวพร้อมหูฟังและจอภาพเล็ก เพื่อให้พวกเขาได้ดูเทปอย่างเป็นส่วนตัว ให้ท่านให้ตัวเลือกแก่พวกเขาที่จะลบสิ่งที่บันทึกอยู่ในเทป หรือว่าเอามาเปิดให้เพื่อนของพวกเขาดู พวกเขาอาจอยากเลือกที่จะเอากลับบ้านไปดูถ้าบ้านพวกเขามีเครื่องที่จะเปิดดู ได้ มากกว่าที่จะรับการวิจารณ์และคำแนะนำจากตัวท่านหรือผู้รับการฝึกคนอื่น ท่านจะให้ความเห็นต่อการนำเสนอของผู้พูดได้เฉพาะตัวผู้พูดเท่านั้น ซึ่งอาจถูกนำมาใช้ และทำลาย เป็นการส่วนตัว

การท้าทายชุมชน

ตลอดทั้งการฝึก จะมีอยู่แค่ประโยคเดียวที่เป็นแนวคิดทั้งการฝึก แก่นของวิธีการให้อำนาจทางสังคมวิทยาคือองค์กรจะแข็งแรงได้ก็ด้วยความ ต่อสู้, ความพยายาม หรือการฝึกฝน หลักการที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำแนะนำของเราก็คือท่านสามาถฝึกผู้นำการเปลี่ยน แปลงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการทำให้พวกเขาได้พบกับสถานการณ์ที่พวกเขา ต้อง"กระทำ"หรือฝึกในงานของพวกเขามากกว่าที่จะมานั่งเรียนในห้อง เรียน ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้แนวคิดองค์กรบริจาค; การให้แก่คนจนไม่ได้ทำให้พวกเขามีความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้มากขึ้น แต่ต้องฝึกให้พวกเขาคาดหวังและใช้คู่มือเป็นตัวช่วย

สถานการณ์หนึ่งในการแสดงสมมุติที่ผู้รับการฝึกของท่านสามารถเล่นได้มีอยู่ในตัวอย่างในคู่มือนี้ "การท้าทายชุมชน" แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งประกอบด้วย "ผู้นำการเปลี่ยนแปลง"และที่ปรึกษาของเขาหรือของเธอ และอีกกลุ่มหนึ่งแสดงเป็นชุมชน ท่านสามารถใช้คู่มือนี้ และสอนให้ชุมชนรู้จักร้องขอสถานพยาบาล และให้เป็นหัวข้อท้าทายแก่ผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่จะเปลี่ยนวัตถุประสงค์และชี้นำพวกเขาให้เลือกระบบน้ำสะอาดน่าจะเป็นยุทธศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการลดการเกิดโรค

ให้ผู้รับการฝึกได้เสนอบทเล่นอื่นๆ ที่ชุมชนจะได้ร้องขอบางอย่าง และผู้นำการเปลี่ยนแปลงจะนำพวกเขาผ่านสิ่งที่เขาเรียกร้องไปสู๋ตัวเลือกที่ น่าจะเป็นจริงได้มากกว่า

การจัดการเพื่อความเข้ม แข็ง

หลักการที่เป็นแก่นอีกอันหนึ่งของทฤษฏีการให้อำนาจ (หลังจาก การต่อสู้เพื่อความแข็งแรง)ก็คือ การจัดการเพื่อความแข็งแรง และการจัดองค์กรที่ดีกว่าสามารถสร้างความแข็งแกร่งได้มากกว่า

หลักฐานในประวัติศาสตร์ในด้านสังคมวิทยาของการประยุกต์หลักการนี้มาจากข้อเขียนของ แม็กซ์ เวเบอร์ ผู้เขียนเกี่ยวกับคุณลักษณะของระบบราชการที่เอื้อในการให้อำนาจ ขณะที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะมาสอนสังคมวิทยาก็จริง (ซึ่งนั่นจะตามมาหลังในการฝึกผู้นำการเปลี่ยนแปลง) มันจะมีประโยชน์ต่อท่านในฐานะผู้ฝึกในการที่จะรู้เกี่ยวกับสังคมวิทยาในการฝึก

สหภาพองค์กรการค้าเป็นที่รู้จักกันมาเป็น ศตวรรษว่าถ้าท่านนำเอากลุ่มคนที่ไม่ได้จัดระเบียบ(ซึ่งทำงานในบริษัท เดียวกัน)นำมารวมกลุ่มเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งและช่วยพวกเขา ในการจัดตั้งองค์กรทางสังคมขึ้นมาแล้ว พวกเขาก็จะได้มาซึ่งอำนาจ เจ้าของธุรกิจและผู้จัดการหลายคนไม่ชอบสหภาพเพราะสหภาพมีอำนาจมาก พวกเขาสามารถใช้อำนาจเพื่อปกป้องตัวพวกเขาเองจากเงินเดือนและค่าจ้างที่ต่ำ ไม่ยุติธรรม และจากสภาพแวดล้อมในการทำงานที่อันตราย

หลักการนี้สามารถใช้ได้กับทุกกล่ม และได้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการให้อำนาจแก่ชุมชน

ทำอย่างไรท่านจะแสดงตัวอย่างให้กับผู้รับ การฝึกของท่านดูได้? ผู้นำการเปลี่ยนแปลงชุมชนที่มีศักยภาพจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับความสำคัญของ การจัดการ

มาถึงตอนนี้ คำแนะนำผู้ฝึกแนะนำให้ใช้การแสดงสมมุติให้ผุ้รับการฝึกได้แสดงเป็นผู้เล่น ที่หลากหลายในกระบวนการเปลี่ยนแปลงชุมชน นี่จะช่วยพัฒนาทักษะของพวกเขาและให้ความเข้าใจที่แจ่มชัดในสถานการณ์ และเจตคติของประชาชนที่พวกเขาต้องพบและร่วมงานในการให้อำนาจแก่ชุมชน ในส่วนนี้อาจเป็นเพียงวิธีหนึ่งซึ่งอาจมีอีกหลายวิธีในการฝึกที่มีความเหมาะ สมมากกว่านี้

ในการอธิบายหลักการ และแสดงให้เห็นด้วยตัวอย่างของสองทีมฟุตบอลที่มีทักษะการเล่นที่เท่าเทียม กัน ให้ผู้รับการฝึกได้ช่วยกันคิดถึงสถานการณ์อื่นที่กลุ่มที่ได้รับการจัด ระเบียบจะมีประสิทธิภาพมากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับการจัดระเบียบถึงจะมี คุณลักษณะอื่นๆที่เหมือนกันก็ตาม ให้จดสิ่งเหล่านี้ไว้บนกระดาน ให้เริ่มต้นจากทีมฟุตบอล ต่อไปนี่กลุ่มอื่นๆ เช่นทหารต่อสู้สงคราม และผู้ทำรายการทำรายการที่เหมือนๆ กัน ดูว่าผู้รับการฝึกสามารถนึกถึงตัวอย่างอื่นอีกได้หรือไม่?

ถ้าคุณมีกลุ่มผู้รับการฝึกกลุ่มใหญ่ แบ่งกลุ่มให้เป็นกลุ่มเล็กเพื่อเตรียมสำหรับการถกแถลงในหัวข้อการจัดระเบียบ และทำอย่างไรจะมีองค์กรเกิดขึ้นได้ แต่ละกลุ่มอาจได้รับให้เลือกเป็นทหาร, อีกกลุ่มเป็นทางด้านการค้า และอีกกลุ่มอาจเป็นทางกิจกรรมทางศาสนา(ถ้ามีความเหมาะสมทำได้)และ อื่นๆ ถามแต่ละกลุ่มว่าองค์กรของพวกเขาควรมีหน้าตาเป็นอย่างไรในการที่จะทำให้มี ประสิทธืภาพสูงสุด ให้โฆษกแต่ละกลุ่มมารายงานกลับที่ห้องกลาง บทเรียนที่สำคัญคือการจัดองค์กรนั่นคือกระบวนการที่ทำให้เข้มแข็ง และไม่ได้มีลักษณะเฉพาะต่อชุมชน

สรุป; การฝึกผู้นำการเปลี่ยนแปลง:

วิธีที่ท่านใช้เพื่อกระตุ้นผู้รับการฝึก ให้ได้เรียนรู้ว่าการจะนำการเปลี่ยนแปลงควรมีลักษณะที่หลากหลายและน่าสนใจ มันจะต้องไม่ใช่แค่การมานั่งฟังและนำเสนอในห้องเท่านั้น แต่ต้องมีวิธีการหลากหลายที่ผู้รับการฝึกจะได้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการ เรียนรู้ของพวกเขาเอง ความหลากหลายจะช่วยทำให้กระบวนการเรียนรู้มีชีวิตชีวา พัฒนาความเข้าใจ และทำให้จดจำได้ดี

อย่ายึดติดกับวิธีการดั่งเดิม หรือแม้แต่วิธีที่ปรากฏอยู่ในคู่มือนี้ ถ้าท่านสรรสร้างวิธีการฝึกใหม่ของท่านเอง ก็จะช่วยให้การฝึกของท่านมีชีวิตชีวา น่าท้าทามมากขึ้น และน่าตื่นเต้นมากขึ้นไปด้วย

ยิ่งไปกว่านี้ ท่านอาจลองเชิญผู้ฝึกจากภายนอกเข้ามาอย่างน้อยสองถึงสามห้วงในทุกๆ การฝึกเชิงปฏิบัติการ ทำให้ส่วนนั้นมีความน่าสนใจโดยให้ผู้นำเสนอมีความหลากหลายในระหว่างห้วงการ เรียน เช่น ใช้สื่อนำเสนอที่แตกต่างกันไปในแต่ละห้วง: ใช้สไลด์, เครื่องฉายข้ามศีรษะ, ภาพยนต์, วิดีโอ, หุ่นกระบอก, กระดานผ้าสักหลาด, การแสดงสมมุติ, การเต้นรำท้องถิ่น และกลุ่มการแสดง, คณะประสานเสียง และกลุ่มศิลปวัฒนธรรม อย่าใช้สื่อเดิมๆ เป็นระยะเวลานานๆ ในแต่ละห้วง และสลับสับเปลี่ยนให้แตกต่างไปในแต่ละห้วง

แม้แต่การแสดงสมมุติก็ทำให้มีความแตกต่าง กันได้; ลองการแสดงหุ่นกระบอกซึ่งให้ผู้รับการฝึกใช้แทนการแสดงโดยการใช้ร่างกายตน เอง พวกเขาสามารถใช้รูปภาพโดยใช้กระดานสักหลาด นี่ก็เป็นตัวเลือกในการแสดงสมมุติ

ความหลากหลายจะเป็นเครื่องปรุงชั้นครู

หมายเหตุ 1 : AA = ผู้ติดสุรานิรนาม

––»«––

หากคุณคัดลอกข้อความจากเว็บไซต์นี้ กรุณาระบุชื่อผู้เขียน
และลิงค์กลับมาที่ cec.vcn.bc.ca/cmp/

©สงวนลิขสิทธิ์ 1967, 1987, 2007: ฟิล บาร์เทิล
ดีไซน์เวบโดย ลอร์ดซ ซาดา
––»«––
อัพเดทครั้งล่าสุด: 2012.01.09

 หน้าแรก

 การเริ่มต้น